วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ทำไมถึงเลือกทำบล็อกเกี่ยวกับ Bakery

ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกก่อนว่า ผู้เขียนบล็อกเป็นคนที่ชื่นชอบในเรื่องของอาหารการกินเป็นที่สุดแต่สิ่งที่ชอบมากก็เ็นจะเป็นอาหารประเภทของหวานจำพวก ขนมปังหรือเค้กต่างๆ ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อเล่าถึงความเป็นมา วิธีการต่างๆในการทำขนม รวมถึงอยากแนะนำร้านขนมหรือร้านอาหารอร่อยๆที่มีอยู่ศรีสะเกษ แต่ก่อนอื่นเลยอยากจะเล่าถึงความเป็นมาของ เบเกอรี่ก่อนว่ามีความเป็นมายังไง วันนี้ได้นำข้อมูลของคุณ อธิยา ลาสา จาก http://begeryes.blogspot.com/ มาให้ได้อ่านกันค่


              เบเกอรี่เริ่มมีขึ้นในยุคหิน โดยชาวสวิสได้เป็นผู้ริเริ่มนำเมล็ดข้าวสาลีมาบดให้แตก ผสมน้ำ ทำให้สุกบนแผ่นหินเผาไฟ ได้อาหารเป็นแผ่น ข้างในเหนียวเหนอะหนะ นับเป็นขนมปังชนิดแรกของโลกเลยค่ะ และต่อมา ชาวอียิปต์ได้พัฒนาจากขนมปังที่เป็นก้อนแน่น ให้มาเป็นก้นโปร่งฟูขึ้น ซึ่งมาจากที่ชาวอียิปต์หมักก้อนแป้งแล้วลืมทิ้งไว้ และได้นำมาผสมกับแป้งที่ทำใหม่เพื่อให้ขนมขึ้นฟู และชาวอียิปต์ยังได้นำดินเหนียวมาทำเป็นภาชนะเพื่อใช้ในการอบขนมแทนแผ่นหิน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเตาอบชนิดแรกของโลก และเตาอบชนิดนี้ แบ่งเป็น ๒ ชั้น คือ ชั้นล่างไว้ก่อไฟ ชั้นบนสำหรับอบขนมผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เชื่อกันว่าเริ่มมีกาผลิตมาตั้งแต่ ๓,๐๐๐ ปีก่อน โดยต้นกำเนิดมาจากพวกทาสในยุคอียิปต์โบราณ ที่ได้ผสมก้อนแป้งที่ลืมทิ้งไว้ลงในแป้งที่ผสมเสร็จใหม่ๆ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายขนมปัง คือเนื้อแป้งเบา ฟู และมีรสชาติอร่อย หลังจากนำไปทำให้สุก ซึ่งต่อมาชาวกรีกได้มีการพัฒนาการผลิตขนมปังให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น โดยการประดิษฐ์เครื่องโม่แป้งจากข้าวสาลีทำให้สามาผลิตแป้งสำหรับทำขนมปังได้ อีกทั้งยังได้คิดค้นดัดแปลงเจาอบเป็นแบบใช้อิฐก่อชาวกรีกนั้นนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตขนมปังขาวแล้ว ยังเป็นผู้ผลิตขนมเค้กและเบเกอรี่หลากหลายชนิด โดยอาศัยการผสม นม น้ำมัน เหล้าไวน์ เนยแข็งและน้ำผึง เข้าไปในส่วนผสม

                

                   หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้มีวิวัฒนธรรมการบริโภค จึงมีการเปลี่ยนแปลงนิสัยการบริโภคให้คล้อยตามชาวตะวันตก อีกทั้งการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศอเมริกาหรือประเทศคานาดาที่ได้เข้ามาอาศัย และทำธุรกิจจึงทำให้เกิดการผลิตเบเกอรี่ชนิดต่างๆ เช่น ขนมปัง เค้ก คุกกี้ พาย เพื่อบริการให้ชาวต่างชาติเหล่านี้ และนำออกจำหน่าย เป็นผลให้ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากยิ่งขึ้นโดยธุรกิจประเภทนี้ได้เริ่มเติบโตขึ้นเมื่อประมาณ ๓๐ –๓๕ ปีที่ผ่านมาเช่นร้านลิตเติ้ลโฮม


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Bakery

                    ซึ่งเจ้าของร้านสมัยสงครามเวียดนามประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ทหารอเมริกาได้ใช้เป็นฐานทัพ จึงทำให้บริษัทยูไนเต็ดลาวมิลล์เห็นช่างทางก่อตั้งโรงงานผลิตแป้งสาลีในประเทศไทย เพื่อใช้ทำผลิตภัณฑ์พร้อมทั้งมีการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์เบเกอรี่และจัดการฝึกอบรบการใช้แป้งสาลีให้ลูกค้าในธุรกิจเบเกอรี่เพื่อให้สามารถนำแป้งสาลีไปใช้ผลิตเบเกอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้แป้งสาลีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสงครามเวียดนามยุติลง ธุรกิจเบเกอรี่ก็ยังคงได้รับความนิยม และมีการขยายให้ใหญ่โตขึ้นขนวิธีการผลิตเปลี่ยนไปจากเดิม จากร้านเล็กๆ ที่ผลิตด้วยมือมาเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม มีการปรับปรุง ในเรื่องเนื้อสัมผัสความเบาฟู รสหวาน ความมันและกลิ่นหอม ตามความต้องการของผู้รับประทาน ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาหารในชีวิตประจำวันของคนไทย


วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

ไดอารี่ชวนชิม (3) @ Sisaket : ร้านอาหาร

เมื่อคืนได้เขียนโพสต์ เกี่ยวกับการแนะนำร้านขนมหวานและเครื่องดื่มในศรีสะเกษกันไปแล้วเน้ออ เช้าวันนี้จะขอมาต่อตามที่ได้บอกไว้ ก็คือแนะนำร้านอาหารในศรีสะเกษ ที่คิดว่าถูกปากและเคยไปชิมมา 555 เช้านี้จะไปขอพิมพ์เยอะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า


เริ่มกันที่ร้านแรก  

ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่อยู่ซอยทางออกไปโรงแรมเกศสิริเมื่อขี่รถออกจากราชภัฏแล้วขับเลยไปเล็กน้อยจะเจอร้าน ที่มีชื่อว่า ผัดไทยใบตอง ซึ่งร้านจะอยู่ใกล้ๆกับร้านก๋วยจั๊บบ้านช้าง อยากให้ทุกคนลองไปชิมค่ะ เป็นผัดไทยที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา และราคาก็เริ่มต้นเพียง 30 บาท แต่ได้เยอะมาก จัดจานได้น่ากินและร้านก็เล็กๆสบายๆ ออกแนวธีทร้านนมสด โดยรวมถือว่าโอเคเลย




ร้านที่สอง
 ร้านนี้เป็นร้านขายบะหมี่อยู่ทางเส้นไปโลตัส เลยปั๊ม ปตท. มาเล็กน้อยเป็นร้านชื่อว่า ราชาหมี่เกี๊ยว เป็นอีกร้านที่ปลื้มมาก เพราะนอกจากจะมีเมนูหมี่เกี๊ยวต่างๆแล้วยังไม่ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง รสชาติอร่อยมาก ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท แล้วแต่เมนู แต่บะหมี่เกี๊ยวมีน้ำซุปที่หวานมาก เพราะแต่ละครั้งที่ไปนี่พ่อค้าจะใช้เส้นที่สดใหม่ตลอดไม่เคยได้กลิ่นอับของเส้นเลย บวกกับน้ำซุปหวานหอม ลงตัวสุดๆ



ต่อจากนี้ไมได้รีวิวร้านแต่จะมาเล่าให้ฟัง 555  ช่วงนั้นพิซซ่ามีโปรซื้อ 1 แถม 1 เลยได้ไปนั่งทานและได้ลองรสฮาวาเอี้ยนหรืออะไรสักอย่างแต่รู้สึกได้ถึงความไม่อร่อยและทำให้ฝังใจไม่อยากกินพิซซ่าอีกเลย พิซซ่าในบิ้กซีอันละ 39 บาทคือคิดว่าโอเคกว่านะ 5555

 เมนูต่อมา ร้านขายกล้วยปิ้งทางไปตลาดโต้รุ่ง อันนี้น้ำเชื่อมหวานกลมกล่อมดีมาก ราคาเริ่มต้นที่ 25 บาท อย่าลืมไปชิมกันนะ

 
 
อีกร้านนนึง คือร้านเพชรทิม ตรงทางแยกตลาดนัด ในร้านไม่ค่อยมีขนมเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าวันนั้นบังเอิญลองไปชิมแล้วเห็นคุ้กกี้ แบบนึงน่ารักมากเลยสอยมาในราคา 35 บาท ปรากฏว่าราสชาติโอเค เนื้อคุ้กกี้นุ่มละมุนหอมนมสุดๆ บวกกับไส้ข้างในเป็นไส้สัปปะรด โดยรวมแล้วโอเค แถมหน้าตายังน่ารักจนไม่กล้ากินเลย





โอเคล่ะค่ะ หลังจากที่ได้แนะนำมาหลายร้านพอสมควร ในความจริงนั้นมีเยอะมาก เพราะไปมาหลายร้าน อยากจะแนะนำให้หมดแต่ว่าไม่ได้เก็บรูปไว้ทุกครั้งที่ไปกิน ก็เลยเอาแค่แนะนำพอหอมปากหอมคอ หวังว่าทุกคนจะชอบเล้วก็อยากลองทานอะไรอร่อยๆ ที่พลอยได้นำเสนอไป ยังไงก็ถ้าไปชิมมาแล้วอร่อยไม่อร่อย หรือชอบ ไม่ชอบยังไงก็มาคอมเม้นต์คุยกันได้นะคะ ^^



วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

ไดอารี่ชวนชิม (2) @ Sisaket : ขนมหวาน

           เมื่อวานได้เขียนบทความเกี่ยวกับเมนูเครื่องดื่มอร่อยๆกันไปแล้ว คืนนี้จะมาแนะนำร้านขนมหวานอร่อยๆ ให้ทุกคนได้ไปลองชิมกันดูอีกนะคะ อิๆ ไม่ต้องกลัวอ้วนกันเลยเพราะกินยังไงก็ไม่อ้วน (หมายถึงตัวเอง) ไม่ต้องเสียเวลาพร่ำบอกให้มากความ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีร้านไหนบ้างน้า
.
.
.
.
.
.
ร้านขนมหวาน @ Sisaket

1. Cafe'  Racotta

พิกัด : สาขาศาลหลักเมือง ตรงข้ามไปรษณีย์

 สินค้า : เบเกอรี่ เค้ก ชา กาแฟ 

 ภาพจาก : OpenRiceTH


คาเฟ่ ราคอตต้า ถือได้ว่าเป็นร้านในดวงใจหลายๆคนเลยก็ว่าได้ เดิมทีมีแค่สาขาเล็กที่อยู่เลยซุ่นเฮงมานิดหน่อย จากนั้นก็มีสาขาศาลหลักเมืองมาเปิดใหม่ซึ่งมีพื้นที่กว้างกว่าเดิม ถือได้ว่าขายดีสุดๆ ด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก และรสชาติที่ถือได้ว่าอร่อยทุกเมนู จึงสามารถครองใจคนรักเค้ก ชา กาแฟ ในทุกๆวัยได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพลอยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และเมนูที่ชอบทานที่สุดก็คือเค้ก เป็นเค้กช็อกโกแลตหน้าบราวนี่ รสชาติมีความละมุนและเนื้อเค้กนุ่มสุดๆ เกินบรรยาย ถือได้ว่าอร่อยและโอเคมาก ราคาอยู่ที่ 55 บาท แล้วก็มีอีกหลายเมนูให้เลือก จนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว 

เมนูต่อมา Honey Toast

ภาพจาก : OpenSnap.com

เรียกได้ว่าเป็นเมนูยอดฮิตของหลายๆคน ด้วยความอร่อยของขนมปังที่ผสมผสานกับความหวานของน้ำผึ้งและความเย็นจากไอศกรีมรสวนิลา ทำให้ทุกๆอย่างมีรสชาติลงตัวและถูกปาก ด้วยราคาเพียง 79 บาท ซึ่งที่อื่นขายแพงมากนะเอออ ขอบอก

เมนูต่อมา  Mango on Ice (Bigsu) 


เป็นเมนูยอดฮิตจริงๆสำหรับน้ำแข็งใสเกาหลี หรือบิงซูนั่นเอง ด้วยรสชาติของเกล็ดน้ำแข็งละเอียดอันนุ่มลิ้น บวกกับมะม่วงรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เป็นที่เข้ากั๊นเข้ากัน ถือเป็นอีก 1 เมนูที่พลอยชอบมาก เพราะทานแล้วรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา แต่รสอื่นยังไม่ลองชิม รู้สึกว่าจะมี แตงโมงออนไอซ์ แล้วก็โอวัลตินผงโรยหน้า กับเมนูอื่นอีก ต้องให้ทุกคนไปลองเองนะเออ ส่วนราคา แมงโกออนไอซ์ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 155 บาท ถือได้ว่ารสชาติคุ้มราคามว้ากกก


เมนูต่อมา เครปเค้กช็อกโกแลต



เมนูนี้ก็เป็นเมนูที่รสชาติอร่อยไม่แพ้เค้กธรรมดาเช่นกัน เพราะมีความกรุบของชั้นเครปเวลาเคี้ยว แถมครีมช็อกโกแลตยังออกรสขมๆหวานๆปนกัน ทำให้ทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน >< พูดแล้วหิวขึ้นมาทันที ราคาอยู่ที่ 55 บาท ไปลองชิมกันได้นะจ้ะ

2. ร้าน สถานีบางระรื่น
พิกัด : หลังสถานทีรถไฟ เส้นตลาดสดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ
สินค้า : เค้ก ขนม ชา เครื่องดื่มต่างๆ 

สถานีบางระรื่น ที่ ร้านอาหาร สถานีบางระรื่น 

ร้านนี้เป็นร้านน้องใหม่ ซึ่งเปิดมาไม่นานแต่รสชาติก็โอเคเลยทีเดียว ส่วนเรื่องราคาพลอยคิดว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับราคอตต้าและร้านอื่นๆ แต่อยากแนะนำสองเมนูที่ได้ไปลองชิมมาซึ่งถือได้ว่รสชาติโอเคที่สุดในร้าน555555


เมนูแรก วาฟเฟิล ผลไม้รวม


เป็นเมนูที่อร่อย รสชาติลงตัวมากโดยเฉพาะวิปครีมกับผลไม้เชื่อม ที่ความหวานอมเปรี้ยว วิปครีมไม่เลี่ยนเลย ถือได้ว่าโอเคสุดๆ ราคา 79 บาท

เมนูที่สอง ปังปิ้งวิปครีมและปังปิ้งเนยนม


สุดยอดของขนมปังปิ้งก็คือปังปิ้งหน้าเนยนม 5555 โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบรสเนย หรือนมสดอะไรพวกนี้มากเลยลองสั่งมาชิม ก็ถือได้ว่ารสชาติโอเค นุ่มๆกรอบๆตามประสา วิปครีมหวานละมุน ราคาอยู่ที่ 15-35 บาทแล้วแต่ทอปปิ้ง

3. ร้านแกะดำ Coffee & Bristro 
พิกัด : ตรงข้ามสวนสาธารณะหนองอุทัย

 สินค้า : เบเกอรี่ เค้ก ชา กาแฟ เบเกอรี่


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แกะดำ coffee & bistro


                   ร้านนี้เป็นคาเฟ่เปิดใหม่ ที่บรรยากาศร้านค่อนข้างโอเค มีที่นั่งรองรับเยอะ แต่เค้กและเมนูยังไม่เยอะเท่าที่ควร หรืออาจจะมีการพัฒนาเมนูเพิ่มในภายหน้า ขอพูดถึงเรื่องรสชาติวันนี้ได้สั่ง คาปูชิโน่ กับ ช็อกโกแลตโฟรทติ้ง รสชาติน้ำปั่นพอทานได้ แต่เค้กไม่โอเค 555 เพราะรสชาติไม่เข้าข้น ธรรมดามาก ราคาน้ำปั่นอยู่ที่ 50 บาท และเค้กราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท ซึ่งถือว่าเเพง เเละไม่ค่อคุ้มกับรสชาติ ดังนั้นร้านนี้ถือว่า เป็นร้านที่ไม่สามารถพิชิตใจได้ แต่ดีที่มีน้องแกะน่ารักๆอยู๋หลังร้านสำหรับให้ลูกค้าไปให้อาหารและถ่ายรูปกันด้วย ฮิฮิ
 

ภาพบรรยากาศร้านจาก :

รีวิวเสร็จไปแล้วสำหรับร้านขนมที่ยังพอมีภาพเก็บไว้บ้าง แต่ความจริงแล้วมีอีกหลายร้านที่รสชาติอร่อย เช่นร้านจันทร์เจ้า แล้วก็มีร้านนมสด ขนมปังเปิดใหม่เยอะมาก เช่นร้าน สุดติ่ง ลัลลาบาย เอมิลค์ และร้านหรรษานมสด เป็นต้น ซึ่งพิกัดร้านส่วนมากอยู่ในตัวเมือง ก็อยากให้คนที่ผ่านๆไปมาถ้าหิวหรืออยากลองชิมแต่ไม่รู้ว่ารสชาติโอเคไหม ขอบอกเลยว่าให้ลอง ถ้าสั่งถูกเมนูอร่อยก็โอเคแต่ถ้าสั่งถูกเมนูที่เอ่อ..นะ ก็โชคร้ายไป 5555 สำหรับคืนนี้ก็คิดว่าสมควรพอแล้ว รู้สึกง่วงและหิวขึ้นมาทันทีหลังจากเขียนบล็อกเกี่ยวกับเรื่องของกิน ยังไงก็ตอนต่อไปว่าจะมาอัพบล็อกเกี่ยวกับร้านอาหารคาวกันสักหน่อย อย่าลืมติดตามด้วยเด้ออออ ^^  
 

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

ไดอารี่ชวนชิม (1) @ Sisaket : เครื่องดื่ม

สวัสดีช่วงดึกค่า..วันนี้พลอยจะพาทุกคนมารู้จักกับเมนูชื่นชอบที่ได้ไปทานบ่อย ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ในศรีสะเกษ ความจริงก็ไปมาหลายร้านแต่ว่าส่วนมากจะกินเเล้วไม่ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ เลยคัดเอาสถานที่ ที่มีภาพหลงเหลืออยู่มาแชร์ให้ทุกคนได้ดูกัน อิๆ ดึกๆแบบนี้ใครที่เข้ามาในบล็อกอาจจะโดนทำร้ายจิตใจสักนิดหน่อย เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้หิวได้ค่ะ 555555555555555

ก่อนอื่นเลยจะบอกก่อนว่าแต่ละเมนูที่นำมาเสนอนี่เป็นเมนูที่ได้ไปกินมาในร้านซึ่งอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ และวันนี้จะขอแนะนำเมนูที่เป็นน้ำปั่น น้ำหวาน แนวหวานเย็นดื่มแล้วสดชื่นนน จะมีเมนูไหนบ้างเชิญชมเลยค่า....

.
.
.
.
.
เรามาดูเมนูแรกกันดีกว่า   

          เมนูนี้อาจดูธรรมดาแต่ว่าเมื่อช่วง 3 เดือนที่แล้วได้มีโอกาสไปเดินห้าง Big C กับเพื่อนเลยลองชิมดู เป็นฟรุ๊ตตี้ดริ้งส์ ของมิสเตอร์โดนัทค่ะ อันนี้เป็นรสผลไม้รวมกับรสส้ม รสชาติจะออกเปรี้ยวๆนิดนึงสำหรับรสผลไม้รวม แล้วก็เข้มข้มอร่อยดีค่ะ ส่วนรสส้มจะจี้ดมากดื่มไปแล้วรู้สึกแสบๆคอ ไม่ค่อยโอเค 55555555 สองเมนูนี้มาเป็นเซตกับโดนัทอีก 2 ชิ้น ก็คือจะเป็นโดนนัท 2 + น้ำผลไม้ 1 ราคาอยู่ที่             เซตละ 69 บาท ถือว่าคุ้มและโอเคค่ะ

             
                 ต่อมาเมนูเครื่องดื่มที่สองที่จะนำเสนอคือเมนูปั่นจาก Brick Cafe' เป็นคาเฟ่เปิดใหม่อยู่ตรงทางสามแยกก่อนถึงวัดเลียบ บรรยากาศร้านออกแนวสุขุม สงบ เพราะเป็นโทนสีน้ำตาล น่านั่งสุดๆ ส่วนรสชาติก็อร่อยคุ้ม โดยส่วนตัวแล้วพลอยจะชอบชาเขียวปั่่น ซึ่งกลมกล่อมแและละมุนลิ้นสุดๆ เมนูปั่นนี้ถ้าเป็นนมสด ช็อกโกแลตและชาเชียว เป็นเมนูพื้นๆราคาจะอยู่ที่แก้วละ 40-50 บาท แต่ถ้าเป็นเมนูอื่นก็จะราคาแพงขึ้นตามลำดับ



             เมนูที่ 3 เป็นเมนูน้ำปั่นจากร้าน Birck cafe' เช่นกันแต่ว่าเป็นสตอเบอรี่สมูทตี้ อันนี้มีโอกาสได้แลกสเเตมป์ที่สะสมครบพอดีเลยลองทานดู เมนูนี้เป็นเมนูที่อร่อยมาก ละมุนสุดๆออกรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆมีกลิ่นนมสดอ่อน โดยรวมแล้วลงตัว คุ้มมากกับที่แลกมา 5555 สาเหตุที่แลกเพราะแก้วนี้ราคาแพงสุดคือแก้วละ 55 บาทค่ะ


                         เมนูต่อมาเป็นเมนูที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าเช่นกัน หลายคนคงเคยได้ยินเบรนของเดลี่ ควีน (Daily Queen) ได้มีโอกาสไปลองชิมมาเป็น ไอซ์ กรีนที (ชาเขียวถั่วแดง) ไปสอยไซต์มินิมาก่อนเพราะกลัวกินไม่หมด 555 แต่ปรากฏว่าพอทานเเล้วคือ... อร่อยมาก ละมุนลิ้น มีรสชาติของชาเขียวแบบเต็มเเม็กซ์ และมีความหวานของถั่วแดงบด รวมกันลงตัวสุดๆ แต่อาจจะไม่ค่อยถูกปากสำหรับคนที่ไม่ชอบรสชาติหวานมาก แต่ก็อยากให้ลองนะ คิคิ ราคาเริ่มต้นที่ 29 บาทส่วนถ้าเพิ่มขนาดไซต์ถ้วย ราคาก็เพิ่มตามจ้า


            และเมนูเครื่องดื่มดับกระหายเมนูสุดท้ายสำหรับคืนนี้ก็คือ เฉาก๊วยยยย นั่นเอง ไม่ใช่เมนูเครื่องดื่มโดยตรงแต่ถือได้ว่าเป็นเมนูที่ทานแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที และเป็นสิ่งที่ไม่ว่าพลอยเข้าเซเว่นเมื่อไหร่ เป็นต้องได้สอยมา 5555 เพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทานเฉาก๊วยมาก ยิ่งเเช่เย็นนี่ยิ่ง อื้อหืออออ อร่อยเหาะ สำหรับเฉาก๊วยอันนี้ เป็นเฉาก๊วยในน้ำเชื่อมตรา ปุ้นแอนด์เปา ราคาอยู่ที่ถ้วยละ 10 บาทเท่านั้น แต่รสชาตินี่ระดับล้านเลยขอบอกกกก <3


แนะนำเมนูเครื่องดื่มที่ชอบและอร่อยราคาเบาๆ กันไปเเล้ว คราวหน้าจะมารีวิวอาหารหวานกันบ้าง อย่าลืมติดตามชมกันด้วยนะค้า สำหรับคืนนี้ฝันดีค่า ^^

วันกลับบ้าน

วันนี้เป็นวันที่ได้กลับบ้านหลังจากที่ผู้เขียนบล็อกไม่ได้กลับบ้านมา 2 อาทิตย์ รู้สึกคิดถึงบ้านมาก พอกลับมาเเล้วสิ่งแรกที่ทำคือเปิดตู้เย็นและหาของกิน 5555  และพอเปิดมาก็เจอกับ อันดับแรกเลยคือผลไม้ เพราะแม่เป็นคนชอบซื้อผลไม้มาติดตู้เย็นไว้ แต่ตอนนี้คือเหลือประมาณครึ่งถุง คาดว่าน้องชายน่าจะซัดไปแล้วบางส่วน




มีแอปเปิ้ลเนื้อทรายกับองุ่นไร้เมล็ดของโปรด ก็เลยจัดไปซัก 1 พวงสดชื่นใจดีมากก..
ต่อมาก็เดินเข้าไปในครัว ไปเจอมะพร้าว ลูกนึงกับพวกข้าวต้มมัดและข้าวกระยาสาทร คาดว่ายายน่าจะเอามาจากวัดเมื่อเช้า 555





 โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ด้วยความหิวเลยซัดทุกอย่างที่เห็นในครัว 5555



ไปดีกว่าค่ะ เย็นนี้เดี๋ยวจะมีเมนูอาหารที่แม่ทำมานำเสนอด้วยย อย่าลืมรอชมน้าว่าเย็นนี้แม่จะทำของโปรดอะไรให้ทานรึเปล่า ไว้เจอกันค้า ^^



วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

ขนมใส่ไส้

         เมนูขนมไทยสุดโปรดลำดับสุดท้ายก็คือ "ขนมใส่ไส้" เป็นขนมที่เคยทานในวัยเด็กเลยทำให้ติดใจรสชาติมาจนถึงปัจจุบัน เพราะมีความลงตัวของกะทิและไส้มะพร้าวที่มีรสชาติหวาน กลมกล่อมอร่อยสุดๆ วันนี้ก็เลยจะมานำเสนอให้อีกหนึ่งสูตร จะมีวิธีทำยังไงนั้นตามไปดูกันเลยจ้า อิอิ

ภาพจาก : elite-ssc.com

ส่วนผสม 
วัตถุดิบ สำหรับ 30 ห่อ
  • น้ำตาลปี๊ป 200 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา สำหรับไส้ , เกลือป่น 1 ช้อนชา สำหรับกะทิ
  • มะพร้าวทึนทึกขูด
  • แป้งข้าวเหนียว 350 กรัม
  • น้ำใบเตยปั่นละเอียด 300 มิลลิลิตร
  • กะทิ 800 มิลลิลิตร
  • แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม
  • กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
  • ไม้สำหรับกลัด หรือไม้จิ้มฟัน
  • ใบตองเช็ดสะอาดสำหรับห่อขนม
วิธีทำ
  1. นำใบตองที่สำหรับห่อมาตัดเป็น 2 ขนาด ฉีกใบตองชั้นนอก 5 นิ้ว และสำหรับชั้นใน 4 นิ้ว และนำมาตัดมุมให้เป็นทรงวงรี เช็ดให้สะอาด และนำไปลนไฟเล็กน้อยเพื่อให้ห่อขนมได้ง่าย
  2. นำมะพร้าวทึนทึกที่ขูดเป็นเส้นยาว เกลือป่น และน้ำตาลปี๊บ ลงไปกวนในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟอ่อน กวนไปเรื่อยๆ จนครบ 20 นาที จนส่วนผสมแห้ง จากนั้นก็ปิดไฟพักไว้ให้เย็น
    ผสมแป้งข้าวเหนียวและน้ำใบเตยเข้าด้วยกัน นวดแป้งจนเริ่มเป็นก้อน เสร็จแล้วให้คลุมด้วยพาสติกแรป
  3. นำกะทิ 1/4 ของกะทิทั้งหมดผสมกับแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น กลิ่นมะลิ ลงไปในกระทะ คนให้เข้ากันจนแป้งไม้จับตัวกันเป็นเม็ด แล้วค่อยเติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟอ่อนๆ และคนไปเรื่อยๆ จนกะทิเหนียวข้น ปิดไฟพักไว้ให้เย็น
  4. เมื่อตัวไส้เริ่มเย็นดีแล้ว ปั้นไส้ให้เป็นก้อนกลมๆ ขนาด 1 นิ้ว จนหมด และปั้นตัวแป้งเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่กว่าตัวไส้เป็น 1 นิ้วครึ่ง แผ่แป้งให้แบนวางไส้ลงตรงกลาง และห่อไส้ขนมให้มิด
  5. เตรียมใบตองสำหรับห่อ นำใบตอง 2 ขนาดที่ตัดไว้เป็นวงรีมาประกบกัน นำหน้านวลทั้ง 2 แผ่น ชนกัน
    นำขนมที่ปั้นไว้วางลงบนใบตอง และราดด้วยน้ำกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ และพับใบตองให้เป็นทรงสูง คาดทับด้วยใบมะพร้าวและคาดด้วยไม้กลัด
  6. นึ่งในน้ำเดือดจัดประมาณ 30 นาที พักไว้ให้เย็นก่อนเสิร์ฟ      





ที่มาข้อมูล : FoodTravel.tv
Mthai User :



ขนมไทยสุดโปรด (เม็ดขนุน)

 เมื่อวานได้มีโอกาสโพสต์เกี่ยวกับวิธีทำขนมของแนวต่างประเทศกันไปแล้วประมาณ 4-5 เมนู วันนี้ขอนำเสนอ เมนูขนมที่เป็นขนมไทยโบราณกันดีกว่า เมนูแรกของวันนี้มีชื่อเมนูว่า ''เม็ดขนุน'' หลายคนคงเคยได้ยินและเคยได้ชิมกันมาเเล้ว เม็ดขนุนเป็นขนมไทยอย่างนึงที่พลอยชอบมาก เพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทานถั่วเหลือง และขนมอันนี้ก็เป็นขนมที่ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งมีสูตรทำที่ง่ายมาก เลยอยากจะมาแนะนำทุกคนให้ได้ไปลองทำทานกันที่บ้าน เพราะนอกจากขนมนี้จะเป็นขนมไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณที่มีรสชาติอร่อยแล้ว ยังสามารถเพิ่มรายได้ให้ผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพได้อีกช่องทางหนึ่งอีกด้วยนะค้าา วันนี้พลอยขอนำเสนอสูตรทำเม็ดขนุน ซึ่งเป็นสูตรของเว็บ Aroi ho นั่นเอง จะมีวิธีทำกันอย่างไร ไปดูกันเลยค่าาา...
   
                          
ส่วนผสม
1.ถั่วเขียวกระเทาะเปลือก (ถั่วทอง)  1/2  กิโลกรัม
2.น้ำตาลทรายสำหรับเติมลงในถั่ว 3 – 4 ขีด 
3.น้ำตาลทรายสำหรับทำน้ำเชื่อม 8 ขีด 
4.ไข่แดงเป็ดหรือไข่แดงไก่ 7-8 ฟอง
           5.กะทิ 1/2 กระป๋อง
  
วิธีทำ
🙂1. เมื่อมีถั่วเขียวกระเทาะเปลือกแล้ว ก่อนที่จะทำหนึ่งวันให้เอาถั่วดังกล่าวแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้ถั่ว อ่อนตัว เช้าขึ้นมาล้างถั่วสักสองน้ำแล้วพักใส่กระชอนเอาไว้
2. นำถั่วที่พักไว้จนสะเด็ดน้ำ ไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณครึ่งช.ม. เมื่อถั่วบานได้ที่ จะนิ่มพร้อมที่จะนำไปกวน
3. เปลี่ยนถ่ายถั่วลงหม้อสำหรับกวนถั่ว เทน้ำตาลลงไปเลย ถั่วครึ่งกิโล ใช้น้ำตาลสักสามขีดหรือสี่ขีด ไม่หวานค่อยเพิ่มทีหลังค่ะ
4. ถั่วกวนจะหวานมัน ต้องเติมกะทิเป็นส่วนผสม ถั่วครึ่งกิโล ใช้กะทิครึ่งกระป๋อง มากไปจะแฉะ
5. ตั้งไฟอ่อนๆอย่าใช้ไฟแรง กวนถั่วไปเรื่อยๆจนถั่วแห้งจับเป็นก้อน
6. ปิดไฟ เปลี่ยนถั่วมาใส่อ่าง เพื่อสะดวกในการนวดถั่วให้เนียน ถั่วยังอุ่นๆอยู่ จะนวดสะดวก แต่อาจจะร้อนไปจะรอให้อุ่นลงหน่อยก็ได้ นวดถั่วด้วยมือให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
7. เมื่อถั่วเนียนเข้ากันแล้ว แบ่งถั่วกวนเป็นก้อนๆยาวๆ
8. การแบ่งถั่วแบบนี้จะทำให้ปั้นง่ายขึ้น หลังจากนั้นเราก็นำถั่วมาตัดเป็นชิ้นเล็กให้เท่าๆกัน จะได้ปั้นได้ง่ายและเสมอกัน
9. หลังจากนั้น หยิบมาหนึ่งชิ้น ใส่กลางฝ่ามือ หมุนไปมาให้ ปั้นให้ลักษณะคล้ายเม็ดขนุน 
10. ขั้นตอนต่อไป เตรียมน้ำเชื่อม สัดส่วนน้ำเชื่อม อาจจะใช้น้ำตาลเยอะ เพื่อให้ได้น้ำเชื่อมแบบเข้มข้น หาหม้อมาหนึ่งใบ หรือใครมีกระทะทอง ก็นำน้ำตาลทราย เทใส่ลงไปในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ อ่อนๆ เทน้ำลงไป น้ำตาลทรายสักแปดขีด น้ำสองถ้วย ตั้งไฟอ่อนๆกวนไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำเชื่อมจะเข้มข้น ไม่ใส ใช้พายยกขึ้นดู ถ้าน้ำเชื่อมค่อยๆหยดก็ใช้ได้
11. เตรียมไข่แดง ใช้ไข่สักเจ็ดถึงแปดฟอง ต่อถั่วครึ่งกิโล คนไข่ด้วยมือพอเข้ากันอย่าให้เกิดฟอง
12. นำถั่วที่ปั้นแล้วลงไปชุบ
13. ตั้งไฟน้ำเชื่อมให้เดือดร้อนแล้วปิดไฟ หรือเปิดพออุ่นๆ หยิบถั่วที่ชุบไข่แดง ด้วยมือ ยกให้ถั่วสูงๆแล้วหย่อนลงไปเบาๆในหม้อน้ำเชื่อม น้ำเชื่อมต้องนิ่งๆ ไม่มีการเดือด จะได้หุ้มไข่ได้ดี
14. ถ้าต้องการให้ขนมเม็ดขนุนมีสาย คล้ายฝอยทอง ก็ยกลากเส้นไข่ให้ยาวๆในน้ำเชื่อม หยอดไปจนเต็มหม้อน้ำเชื่อม แล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ พอถั่วสุก หุ้มดีแล้ว ก็ใช้กระชอนตักเม็ดขนุนขึ้นมาวางในถาด
15. ทำจนหมดถั่วที่เตรียมไว้ ถ้าน้ำเชื่อมข้นไปก็เติมน้ำ แล้วกวนให้เข้มเท่าเดิม ถั่วครึ่งกิโล จะได้เม็ดขนุนห้าหกสิบเม็ด ทำขายก็ดีทำแจกก็ภูมิใจ
16. ถั่วเย็นแล้วนำใส่วัสดุสวยๆค่ะ 


 เคล็ดลับ 
– เม็ดขนุนสามารถดัดแปลงเป็นรูปหัวใจ หรือเม็ดเรียวเล็กกว่านี้ก็ได้ ทำเป็นของขวัญของฝาก จัดใส่ภาชนะที่สวยงาม หรือจะทำเป็นอาชีพเสริมก็ดี
– ถ้าไม่มีที่นึ่ง ต้องใช้วิธีต้มให้นิ่ม แต่ต้องคอยดูอย่าให้แฉะ พอนิ่มดีแล้วก็เทน้ำออกให้แห้งสนิท ผึ่งไว้บนกระชอนให้สะเด็ดน้ำ แห้งได้ที่แล้วจึงนำไปกวนกับน้ำตาลและกะทิ




 ขอขอบคุณภาพจาก : ครัวไกลบ้าน
สูตรทำเม็ดขนุนจาก : Aroi ho


สังขยาฟักทอง

เมนูขนมไทยเมนูที่ 2 ที่จะมานำเสนอทุกคนในวันนี้ก็คือ "สังขยาฟักทอง" เมนูเรียกได้ว่าวิธีทำนั้นแสนจะง่ายดาย วัตถุดิบก็หาได้ตามท้องตลาด แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือรสชาติตัวไส้สังขยานั่นเอง หลายคนอาจพบเจอกับปัญหารสชาติของตัวไส้สังขยาที่มีรสชาติปะเเล่มๆ หรือสังขยามีความเละจนเกินไปทำให้เวลาทานเข้าไปแล้วรู้สึกเลี่ยน แต่ในวันนี้ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เพราะพลอยได้ค้นหาสูตรทำสังขยาฟักทองที่ลงตัว และรสชาติเป๊ะมาให้ทุกคนได้ไปลองทำกัน เมนูนี้เป็นสูตรจาก Cooking ยิ่งทำ ยิ่งอร่อยของเว็บ Kapook.com มาให้ทุกคนได้ลองทำกันดูค่ะ ^^


ส่วนผสม สังขยาฟักทอง

          1. ฟักทองลูกเล็ก 1 ลูก
          2. ไข่ไก่ 8 ฟอง
          3. น้ำตาลปี๊บ 100-200 กรัม (ปรับเพิ่ม-ลดตามชอบ)
          4. หัวกะทิ 1 ถ้วย
          5. ฝอยทอง (สำหรับหยอดหน้า)


วิธีทำสังขยาฟักทอง


           1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้

           2. ผสมไข่ไก่กับน้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นำไปกรองผ่านตะแกรง จากนั้นเทใส่ลงในผลฟักทอง โรยฝอยทองด้านบน

           3. ใส่ลูกฟักทองลงชามกระเบื้องขนาดพอดีกัน จากนั้นนำไปนึ่งชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 30-40 นาที หรือจนฟักทองสุก ยกออกจากชุดนึ่ง พักไว้จนเย็น ตัดเป็นชิ้น พร้อมรับประทาน



           นอกจากจะได้สังขยาไข่เนื้อเนียนนุ่มแล้ว ยังอร่อยไปกับเนื้อเหนียว ๆ ของฟักทองอีกด้วย แหม อร่อยสองต่อทีเดียว 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Kapook.com
 

วิธีทำเค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม

 สำหรับเมนูแรกที่เราจะมาฝึกทำไปพร้อมๆกันในวันนี้ พลอยขอนำเสนอเมนูที่มีชื่อว่า "เค้กกล้วยหอม" เบเกอรี่ที่มีชื่อว่าเค้กกล้วยหอมนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยชิมกันมาแล้ว เพราะถือได้ว่าเป็นขนมที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตั้งแต่ในตลาดจนถึงในห้างสรรพสินค้ากันเลยทีเดียว แต่ในบางสถานที่ที่เราได้ไปเห็นหรือซื้อมาชิมก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน วันนี้พลอยในนำสูตรทำเค้กกล้วยหอมที่มีรสชาติถูกปากถูกใจ แตกต่างจากที่ขายกันทั่วไป เพราะในสูตรนี้เราจะใช้แป้งที่มีเนื้อละเอียด เมื่ออบขนมออกมาแล้วจะทำให้เนื้อเค้กนั้นเนียน เหนียวนุ่ม และอร่อยไม่แพ้ที่ขายกันในห้างเลยล่ะค้าาไปดูกันเล้ยย >



เอาใจเด็กหอ หรือมนุษย์คอนโดด้วยเค้กกล้วยหอมสูตรไมโครเวฟ เอาไว้ทำกินยามเช้า หรือยามว่าง แค่เตรียมส่วนผสมให้ครบและทำตามขั้นตอนเท่านั้นก็จะได้หม่ำแล้ว เนื้อนุ่มหอมฉุยไม่แพ้ทำจากเตาอบเลย สามารถราดแยมสตรอว์เบอร์รี หรือซอสช็อกโกแลตเพิ่มความฟินได้นะคะ

ส่วนผสม เค้กกล้วยหอม สูตรไมโครเวฟ

          • แป้งเค้ก 200 กรัม
          • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
          • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
          • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
          • ไข่ไก่ 1 ฟอง
          • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
          • กล้วยหอมบดละเอียด 1 ลูก
          • นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย
          • เนยสดชนิดจืดละลาย 80 กรัม

วิธีทำเค้กกล้วยหอม สูตรไมโครเวฟ

          • 1. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
          • 2. ตีผสมไข่ไก่กับน้ำตาลไอซิ่งจนขึ้นฟู หรือมีสีอ่อนลง เติมกลิ่นวานิลลาและกล้วยหอมบดละเอียดลงไปตีผสมให้เข้ากัน
          • 3. ใส่ส่วนผสมแป้ง นมสด และเนยสดละลาย คนให้ส่วนผสมเข้ากันดีเป็นเนื้อเนียน
          • 4. ใช้พายยางตักส่วนผสมเค้กใส่พิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟปานกลางประมาณ 1 นาที (แล้วแต่กำลังไฟของแต่ละเครื่อง) อบจนสุก นำออกจากเตา ทิ้งไว้สักครู่ นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ







คัพเค้ก วนิลา

 กินข้าวอิ่มแล้วรู้สึกอยากกินเค้กขึ้นมาเลยลองหาเสิร์ชวิธีทำเค้กดู แต่ปรากฏว่าไปเจอคัพเค้กวนิลาน่ารักๆ น่ากิน เลยได้คลิกเข้าไปดูวิธีทำและอยากแชร์ให้ทุกคนได้รู้วิธีทำไปพร้อมๆกัน เลยได้หยิบยกวิธีทำคัพวานิลลาจาก Youtube : FoodTravelTVChannel  ซึ่งใช้เวลาโดยรวมในการทำทั้งหมดแค่ 50 นาทีก็สามารถทำคัพเค้กทานได้เองที่บ้าน จะมีวิธีทำอย่างไรและน่ารักขนาดไหนตามมาดูกันเลยจ้า..

ส่วนผสม
1. เนยเค็ม 160 กรัม
2. น้ำตาลทราย 120 กรัม
3. น้ำตาลทราย 30 กรัม
4. ไข่ไก่ 4 ฟอง
5. เเป้งเค้ก 150 กรัม
6. ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
7. วนิลาฝัก 1 1/2 ฝัก


อุปกรณ์ 
1. ชามผสม
2. ตระเเกรง
3. พิมพ์คัพเค้ก
4. ถ้วยคัพเคก
5. ที่ร่อนเเป้ง
6. ที่ตีไข่

7. ไม้พายยาง
 
 วิธีทำ




เค้กหม้อหุงข้าว

ต่อกันด้วยเมนูเค้กหม้อหุงข้าว ฟังดูชื่อแล้วอาจจะแปลกๆ แต่ใช่แล้วค่ะ เราจะมาใช้หม้อหุงข้าวทำเค้กกัน เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัว โดยทั่วไป ซึ่งพลอยได้หาสูตรที่ง่ายแล้วก็ประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในเรื่องของอุปรณ์ อิๆ มาดูกันเลยว่าเค้กหม้อหุงข้าวนี่มันทำยังไงกันน้าา หน้าตาจะเป็นอย่างไร ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ

ส่วนผสม เค้กเนยสดหม้อหุงข้าว

          1.แป้งเค้กสำเร็จรูป 400 กรัม (ของยี่ห้อไหนก็ได้)
          2. เนยเค็มขนาด 220 กรัม จำนวน 1 ก้อน
          3. นมจืด 1+1/2 แก้วเป๊ก (ถ้าไม่มีใช้น้ำเปล่าก็ได้)
          4. ไข่ไก่ 4 ฟอง (ไข่ไก่อุณหภูมิห้อง ถ้าแช่เย็นต้องเอาออกมาวางข้างนอกให้หายเย็นก่อน)
          5. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
          6. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ (เพราะแป้งสำเร็จรูปไม่หวาน)
วิธีทำเค้กเนยสดหม้อหุงข้าว



1. ปั่นน้ำตาลทรายในโถปั่นอาหารให้ละเอียดเหมือนแป้งนำมาเทลงในภาชนะที่เราจะ ร่อน แล้วใส่ผงฟูตามลงไป เทแป้งเค้กสำเร็จรูปลงไปทำการร่อนในตะแกรงสัก 4-5 รอบ หรือมากกว่านั้นก็ได้


2. ใส่เนยลงในกะละมังที่ผสมแป้ง ใช้ตะกร้อมือจัดการละเลงได้เลย


3. จากนั้นเราก็ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง สองฟอง สามฟอง ตกลงแล้วใส่ไปเลยทีเดียวลีลามาก ไหนจะเลอะมือ ไหนจะถ่ายรูปจัดไป
4. ว่าแล้วปัญหาก็เกิดจนได้ ตีไปตีมาเริ่มแยกน้ำแยกเนยลอยฟูฟ่องเลย ขืนตีต่อไปคงไม่ดีแน่ รีบเทแป้งบางส่วนลงไปผสมเลยดีกว่า นี่คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าถือว่าเอาอยู่


5. ค่อย ๆ เทแป้งลงไปตีทีละหน่อย ตีไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่ามันสนุกดีตีไปร้องเพลงไปจนคิดว่ามันเนียนพอค่อยหยุดตามสปีดตัวเอง ถ้าเป็นเครื่องตีเนื้อคงสวยกว่านี้เป็นแน่
 6. ไม่รู้ว่าลูกเกดต้องโรยหน้าหรือทำอย่างไร แต่อยากให้ลูกเกดฝังในเนื้อขนมแบบประปราย เลยเทใส่แล้วตีให้เข้ากันดีกว่า คิดแบบนี้ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่าเมื่อเข้ากันดีก็เทลงหม้อหุงข้าวเลย
 7. จากนั้นก็กดปุ่ม รอประมาณ 1 ชั่วโมง รอจนสุกแล้วโรยหน้าด้วยลูกเกด พร้อมเสิร์ฟ



บราวนี่สีช็อกโกแลต

หลังจากอัพวิธีทำเค้กกล้วยหอมกับพายข้าวโพดอบกันไปแล้ว หวังว่าทุกคนจะยังไม่เบื่อกันนะคะ อิอิ
จะขอเสนออีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่ผู้คนนิยมกันมากในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ พลอยว่าทุกคนคงรู้เกี่ยวกับเมนูนี้ดี ซึ่งนั่นก็คือ....บราวนี่!! บราวนี่เป็นขนมหวานของโปรดอีกอย่างหนึ่งของพลอย รองลงมาจากเค้กช็อกโกแลตเลยล่ะค่ะ เนื่องด้วยเป็นคนที่ชอบทานอะไรแบบนี้มากๆดังนั้นจึงอยากจะนำสูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาให้ได้ศึกษาวิธีทำกัน ไม่ว่าจะทำกินเองหรือทำขายก็เป็นอะไรที่ง่ายและสร้างกำไรให้คุณได้ สำหรับวันนี้พลอยขอนำเสนอวิธีทำ บราวนี่สูตรหม้อหุงข้าว จะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ ^^




 อันดับแรกมาดูส่วนผสมกันก่อน
          1.เนยสด 60 กรัม
          2. ช็อกโกแลต 175 กรัม
          3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
          4. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
          5. กาแฟ 1 ช้อนชา
          6. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
          7. ผงฟู 2 ช้อนชา
          8. ผงโกโก้ 1/6 ถ้วยตวง
          9. อัลมอนด์สไลซ์

1.ละลายเนยสดกับช็อกโกแลตโดยใช้ไมโครเวฟกำลังไฟ 600 วัตต์ ละลายครั้งละ 30 วินาที ประมาณ 3 ครั้ง  จากนั้น นำส่วนผสมออกจากไมโครเวฟแล้วคนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว พักไว้จนเย็น


3. พอส่วนผสมช็อกโกแลตละลายเย็นดีแล้ว ตอกไข่ไก่ ใส่น้ำตาลทราย และผงกาแฟลงในอ่างผสมตีจนส่วนผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน

 

4.ใส่ส่วนผสมช็อกโกแลตละลายที่เย็นแล้วลงไปคนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดีย
 5. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู และผงโกโก้ลงไปตีจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
6. กรุกระดาษไขลงไปในหม้อหุงข้าวก่อนนะคะ ค่อย ๆ เทส่วนผสมลงไป โรยอัลมอนด์สไลซ์ จากนั้นกดปุ่มหุงข้าวเลยค่ะ ถ้าหม้อหุงข้าวมีโปรแกรมหุงเค้กก็กดปุ่มหุงเค้กได้เลยค่ะ ส่วนถ้าเป็นหม้อข้าวธรรมดาก็กดปุ่มหุงข้าวปกติเลย ถ้าปุ่มมันตัดก็รอให้หม้อเย็นแล้วกดปุ่มหุงใหม่ อย่าลืมกดปุ่มนะคะ ไม่เช่นนั้นเนื้อบราวนี่จะเป็นไตนะคะ  


เมื่อเสร็จเเล้วก็นำบราวนี่มาพักไว้บนตะแกรง แล้วก็จัดจานพร้อมเสิร์ฟค่ะ ^^ 

พายข้าวโพดอบ

เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเราได้นำเสนอสูตรทำเค้กกล้วยหอมแสนอร่อยๆ กันไปแล้ว ตอนนี้พลอยก็จะขอนำเสนอวิธีทำเบเกอรี่อีกอย่างนึง ที่พลอยชอบเป็นพิเศษ นั่นก็คือ "พายข้าวโพด" ! เมนูนี้เป็นเมนูที่ถือได้ว่าหลายๆคนคงจะชอบ แต่อาจจะโปรดปรานไส้ข้างในพายที่แตกต่างกัน ยังไงก็ตามสูตรนี้สามารถใช้ได้กับพายทุกประเภทแต่หากต้องการใส่ไส้ไหน ก็แค่เปลี่ยนวัตถุที่ใช้ทำไส้เท่านั้นค่า แต่ในวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า พายข้าวโพดสูตรนี้จะน่ากินแค่ไหน


สูตรแป้งพายร่วน
แป้งสาลีร่อน 1 ถต.
เกลือป่น 1 ชช.
เนยสด 1/3 ถต.
น้ำเย็นจัด 3-4 ชต.
ส่วนผสมครีมข้าวโพด
ข้าวโพดต้มแกะแล้ว  2 ถต.
น้ำตาลทราย  3/4 ถต.
นมสด  1/2 ถต.
แป้งข้าวโพด  1/3 ถต. 
 
เริ่มด้วยการนำแป้งสาลีร่อนผสมกะเกลือแล้วใส่เนยสดลงผสมกับแป้ง แล้วคลุกให้แป้งจับกันจนดูเหมือนเม็ดทราย  หลังจากนั้นผสมน้ำเย็นจัดลงไปเกลี่ยให้แป้งเริ่มจับกันค่ะ  เมื่อแป้งเริ่มจับกันแล้วก็ค่อยๆใช้มือตะล่อมแป้งให้เป็นก้อน หลังจากนั้นก็ห่อแป้งด้วยพลาสติกนำเข้าไปแช่ตู้เย็น 30 นาที ระหว่างรอ เรามาทำส่วนผสมครีมข้าวโพดรอกันดีกว่า

ส่วนครีมข้าวโพด
ครีมข้าวโพดค่ะ เริ่มด้วยนำข้าวโพด น้ำตาลทราย นมสด แป้งข้าวโพดมาผสมให้เข้ากัน  จากนั้นนำไปตั้งไฟแล้วกวนแป้งให้สุก หลังจาก30นาทีผ่านไป ก็นำแป้งที่เราเเช่ไว้ออกมาคลึงค่ะ เสร็จแล้วก็เอามาวางบนแม่พิมพ์พาย แล้วเอาครีมข้าวโพดที่กวนแล้วมาโรยหน้า
    จากนั้นก็เอาเข้าเตาอบ ไฟ 170องศา ประมาณ 40 นาที หรือจนกว่าจะสุกค่ะ... 
เมื่อสุกแล้วหน้าตาก็จะออกมาเป็นพาย น่ากินแบบนี้

                             ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พายข้าวโพด      


ขอขอบคุณสูตรจาก สำนักพิมพ์แสงแดด โดยผู้ใช้พันทิป คุณ :
A Little Catz
และภาพสวยๆ จาก :ร้าน Gateaux House

เลือกแป้งทำเบเกอรี่อย่างไรให้อร่อย?

                                 

 เลือกแป้งทำเบเกอรี่ยังให้ให้รสชาติปัง!!!

                        ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แป้งทำเค้ก


             แป้ง สาลี เป็นแป้งที่ใช้ในการทำผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ทุกชนิด ทั้งนี้เพราะแป้งสาลีมีโปรตีน 2 ชนิด คือกลูเตนิน และไกลอะดิน เมื่อนำแป้งสาลีมาผสมกับน้ำ ทำให้เกิดกลูเต็นซึ่งจะเป็นตัวเก็บก๊าซ ทำให้เกิดโครงสร้างที่จำเป็นของผลิตภัณฑ์
ข้าวสาลี ที่นำมาโม่เป็นแป้ง แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

•ข้าวสาลีชนิดแข็ง เมื่อนำมาโม่จะได้แป้งสาลีชนิดแข็ง ซึ่งมีโปรตีนสูงเหมาะสำหรับใช้ทำขนมปัง

•ข้าวสาลีชนิดอ่อน เมื่อนำมาโม่จะได้แป้งสาลีชนิดอ่อน ซึ่งมีโปรตีนชนิดอ่อนซึ่งมีโปรตีนต่ำเหมาะสำหรับทำเค้กและคุกกี้

แป้งสาลีที่ผลิตออกมา เพื่อทำผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ มี 3 ชนิดคือ

1. แป้งขนมปัง มีเปอร์เซนต์โปรตีนสูง ใช้ทำผลิตภัณฑ์ขนมปัง ลักษณะของแป้งชนิดนี้คือ เมื่อถูด้วยมือจะรู้สึกหยาบเหมือนทราย

2. แป้งเอนกประสงค์ มีโปรตีนสูงปานกลาง เป็นแป้งที่ได้จากการผสมข้าวสาลีชนิดแข็งกับชนิดอ่อนเข้าด้วยกัน

3. แป้งเค้ก มีโปรตีนต่ำ ลักษณะของแป้งเมื่อถูด้วยนิ้ว จะรู้สึกอ่อนนุ่มเนียนละเอียด นิยมใช้ทำ เค้ก คุกกี้

หน้าที่ของแป้งที่มีต่อผลิตภัณฑ์ แป้งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการช่วยให้เกิด โครงสร้างของผลิตภัณฑ์และทำให้ผลิตภัณฑ์คงรูปอยู่ตัวได้เมื่ออบเสร็จ 

1. แป้งขนมปัง (Bread Flour) เช่น แป้งตราห่าน
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แป้งขนมปัง

                                                          
เป็นแป้งสาลีที่มีปริมาณโปรตีนหรือกลูเตนในแป้งสูง 12-14% มีลักษณะสีขาวนวลเข้มมากกว่าแป้งชนิดอื่น เหมาะสำหรับทำ ขนมปังต่าง ๆ , พิซซ่า , ครัวซองท์ หรือใช้ผสมในเค้กที่ต้องการให้มีลักษณะแน่น เช่น ฟรุตเค้ก หรือเค้กกล้วยหอม(บางสูตร)

แป้งขนมปัง 1 ถ้วยหนักประมาณ 112 กรัม และมีลักษณะเด่น ๆดังนี้ .... เนื้อแป้งหยาบ...สีของแป้งจะออกเป็นครีม ๆ (ไม่ขาวมาก)...หากใช้ฝ่ามือบีบจะไม่รวมตัวกันเป็นก้อนได้ง่าย

2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ (All purpose flour) เช่น แป้งตราว่าว

                                                     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 
เป็นแป้งที่มีโปรตีนปานกลาง คือประมาณ 10-12% มีคุณสมบัติอยู่ตรงกลางระหว่างแป้งเค้กกะแป้งขนมปัง เหมาะสำหรับทำ คุกกี้ , บราวนี่ , บะหมี่ , กระหรี่ปั๊บ , แพนเค้ก หรือจะนำมาผลมในอาหารคาว เป็นพวกแป้งชุบทอด ก็ได้ค่ะ

แป้งชนิดนี้ไม่ค่อยเหมาะในการทำเค้ก(ที่ต้องการความนุ่ม) เพราะหากนำมาทำเนื้อเค้กที่ได้จะแน่นกว่าใช้แป้งเค้ก แป้ง 1 ถ้วยหนัก 110 กรัม  บางสูตรใช้แป้งตัวนี้(แทนแป้งขนมปัง)ทำพวกเค้กที่ต้องการความแน่น เช่นฟรุตเค้ก หรือเค้กที่ผสมเมล็ดพืช ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เมล็ดพืชหรือเนื้อผลไม้จมหรือนอนก้นค่ะ

3. แป้งเค้ก (Cake flour) เช่นตราพัดโบก และ ตราบัวแดง 


                                                     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แป้งเค้ก
เป็นแป้งที่มีปริมาณโปรตีนต่ำ คือประมาณ 7-9 % ซึ่งเป็นปริมาณโปรตีนน้อยที่สุด ทำให้ดูดซับน้ำและน้ำตาลได้มาก ดังนั้นจึงนิยมนำมาทำเค้ก เพราะเนื้อขนมที่ได้จะมีลักษณะนุ่ม โปร่ง เบา
แป้งเค้ก 1 ถ้วย หนัก 96 กรัม(โดยประมาณ) และมีลักษณะเด่น ๆ ดังนี้ คือ เนื้อแป้งเนียน...สีของแป้งจะขาวกว่าแป้งขนมปัง และแป้งอเนกประสงค์...เมื่อบีบแป้งเข้าด้วยกันจะรวมกันเป็นก้อนง่าย

แป้งเค้กสามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ

1. แป้งเค้กที่ผ่านขบวนการคลอริเนชั่น เช่น แป้งตราพัดโบก

เป็นแป้งที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำตาลและไขมันสูง จึงทำให้สามารถพยุงตังได้โดยไม่ยุบตัว แม้จะมีน้ำตาลในสูตรสุง กว่าเปอร์เซ็นต์แป้ง แป้งชนิดนี้นิยมนำมาทำเค้กที่มีน้ำตาลสูงเช่น ชิฟฟ่อนเค้ก , แยมโรล , เค้กเนย สปันจ์เค้ก (พวกเค้กต่าง ๆ )

2. แป้งเค้กที่ไม่ผ่านขบวนการคลอริเนชั่น เช่นแป้งตราบัวแดง เป็นแป้งเค้กที่ใช้ทำขนมที่มีน้ำตาลในสูตรน้อยกว่าเปอร์เซ็นต์แป้ง เหมาะสำหรับทำพวกซาลาเปา , คุกกี้เนื้อเบา(บางสูตร) , เอแคลร์ และปุยฝ้าย หรือจะใช้ผสมกับแป้งขนมปังสำหรับทำขนมปังหวานก็ได้

ถ้ายังไม่แน่ใจว่า ควรใช้แป้งอะไร

วิธีสังเกตุง่าย ๆ ที่หน้าถุงแป้ง เขาจะมีรูปขนมที่เหมาะกับการใช้แป้งนั้น ๆ อยู่ด้วยค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูล จาก :  http://www.kvc.ac.th
http://www.zomzaa.com